ปัญจาวุธกุมาร ชาดก ชาดกว่าด้วยการทำความเพียร

ปัญจาวุธกุมาร ชาดก ชาดกว่าด้วยการทำความเพียร

ปัญจาวุธกุมาร ชายหนุ่มผู้กล้าหาญและมีปัญญา ใช้ทั้งอาวุธและสติปัญญาต่อสู้กับยักษ์สิเลสโลมผู้ดุร้าย แม้จะไม่มีอาวุธทำลายยักษ์ได้ แต่ด้วยการใช้ปัญญาและการพูดจาอันชาญฉลาด ปัญจาวุธกุมารทำให้ยักษ์กลับใจและสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายผู้ใดอีก เรื่องนี้สอนให้เห็นถึงความสำคัญของความไม่ย่อท้อและการใช้สติปัญญาในการเผชิญหน้ากับปัญหา

183 อ่าน
อ่านเรื่องเต็ม
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในกรุงพาราณสี เจ้าชายผู้เป็นพระราชโอรสนามว่า "ปัญจาวุธกุมาร" ได้สำเร็จการศึกษาจากสำนักทิศาปาโมกข์ เมืองตักศิลา เจ้าชายปัญจาวุธทรงเป็นนักรบที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม เชี่ยวชาญในวิชาอาวุธทั้งห้า ได้แก่ ธนู หอก กระบอง พระขันธ์ (แขนและมือที่ใช้ต่อสู้) และความกล้าอันเป็นอาวุธในตัว
เมื่อเสร็จสิ้นการศึกษาแล้ว เจ้าชายปัญจาวุธก็ออกเดินทางกลับกรุงพาราณสีเพียงลำพัง ทรงเร่งรุดเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปเข้าเฝ้าพระราชบิดา ในระหว่างทางนั้น พระองค์เลือกใช้เส้นทางลัดผ่านป่าดงดิบอันแสนอันตราย ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าเต็มไปด้วยยักษ์ดุร้ายที่กินคนเป็นอาหาร
แม้พ่อค้าวาณิชที่พบเจอระหว่างทางจะพยายามห้ามปราม แต่เจ้าชายก็ยังคงยืนยันที่จะเดินทางผ่านเส้นทางนั้นด้วยความมั่นใจในวิชาการรบที่ตนได้รับการฝึกฝนมา
ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

ข้าขอบใจพวกท่านที่หวังดี แต่ข้าเป็นศิษย์ของทิศาปาโมกข์ ข้ามีวิชาที่จะป้องกันตัวเองได้ ข้าไม่กลัว และจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออันตรายใด ๆ

แม้จะได้รับคำเตือน เจ้าชายปัญจาวุธยังคงเดินหน้าต่อไปจนเข้าสู่ป่าลึก เมื่อพระองค์เดินเข้ามาในป่าดงดิบ สภาพรอบข้างก็ดูเงียบเชียบผิดปกติ ไม่มีสัตว์ป่าออกมาให้เห็น ไม่มีเสียงนกหรือสัตว์ใด ๆ จนทำให้พระองค์เริ่มระวังตัว
ในที่สุด เจ้าชายก็พบรอยเท้าขนาดใหญ่กลางป่า และกระดูกของสัตว์และมนุษย์ที่ถูกกินทิ้งไว้ ทำให้พระองค์รู้ได้ทันทีว่าอันตรายที่ว่าคือยักษ์สิเลสโลม ยักษ์ผู้มีพละกำลังมหาศาลและขนเป็นเกราะที่ไม่อาจทำลายได้ เจ้ายักษ์นั้นอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตจากป่ามรณะแห่งนี้เลย
ขณะนั้นเอง ยักษ์สิเลสโลมก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะก้องป่า
ยักษ์สิเลสโลม
ยักษ์สิเลสโลม

ฮ่า ๆ ๆ เจ้ามนุษย์น้อย! เจ้ากล้ามาที่นี่ได้อย่างไร ข้าจะกินเจ้าแน่ ๆ

เจ้าชายปัญจาวุธแม้จะตกใจเมื่อได้เห็นยักษ์ที่มีร่างใหญ่โตมหึมา แต่พระองค์ยังคงตั้งสติและหยิบธนูของตนออกมาเตรียมพร้อม
ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

ข้าไม่กลัวเจ้า! เจ้าจะต้องพ่ายแพ้ต่อศรของข้า ลองดูเถิด!

เจ้าชายเล็งธนูและยิงออกไปด้วยความแม่นยำ แต่ลูกศรของพระองค์กลับไม่อาจทำอันตรายเจ้ายักษ์ได้เลย เนื่องจากขนของยักษ์นั้นเป็นเกราะคุ้มกันอันแข็งแกร่ง สิเลสโลมหัวเราะเยาะและเย้ยหยันเจ้าชาย
ยักษ์สิเลสโลม
ยักษ์สิเลสโลม

ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดว่าแค่ธนูเล็ก ๆ นี่จะทำอะไรข้าได้เหรอ? มันเหมือนยุงกัดข้าเท่านั้น!

แม้ว่าอาวุธแรกจะไม่สำเร็จ เจ้าชายปัญจาวุธก็ไม่ย่อท้อ พระองค์จึงใช้หอกและกระบองเข้าต่อสู้กับยักษ์ แม้จะพุ่งหอกอย่างแม่นยำและฟาดกระบองด้วยความแรง แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเจ้ายักษ์ได้
ยักษ์สิเลสโลม
ยักษ์สิเลสโลม

เจ้าจะสู้ต่อไปทำไม มนุษย์น้อย? ไม่มีอาวุธใดทำร้ายข้าได้ เจ้าจะยอมแพ้หรือไม่?

ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

ไม่ ข้าไม่มีวันยอมแพ้!

ด้วยความมุ่งมั่นและปัญญาที่เจ้าชายปัญจาวุธมี พระองค์จึงคิดแผนใหม่ขึ้นมา พระองค์จึงใช้วิธีการพูดสร้างความหวาดกลัวให้กับยักษ์สิเลสโลม
ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

ฟังข้าให้ดี เจ้ายักษ์! แม้เจ้าจะกินข้า เจ้าก็ไม่รอดแน่ เพราะในท้องข้านั้นมีวชิราวุธอันร้ายแรง ถ้าเจ้ากลืนข้าเข้าไป วชิราวุธจะทำลายไส้พุงของเจ้า เจ้าเองก็จะต้องตายเช่นกัน!

สิเลสโลมที่แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่โตและดุร้าย แต่ก็เริ่มลังเล เพราะไม่เคยได้ยินคำขู่เช่นนี้มาก่อน
ยักษ์สิเลสโลม
ยักษ์สิเลสโลม

วชิราวุธ? ข้าไม่เคยได้ยินเช่นนี้มาก่อน... เจ้าไม่ได้โกหกข้าหรอกใช่ไหม?

ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

เจ้าลองดูสิ ถ้าเจ้ากล้าพอ! แต่ถ้าเจ้ากินข้า เจ้าก็จะต้องตายไปพร้อมกับข้าด้วย

ยักษ์สิเลสโลมเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น จึงยอมปล่อยเจ้าชายปัญจาวุธและลดความโกรธลง
ยักษ์สิเลสโลม
ยักษ์สิเลสโลม

ข้าไม่อยากตาย ข้าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าจงไปเสียเถอะ

เมื่อยักษ์สิเลสโลมปล่อยเจ้าชายปัญจาวุธ เจ้าชายจึงฉวยโอกาสสอนยักษ์ในเรื่องการสร้างกรรมดี และการเลิกทำร้ายผู้อื่น
ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าสร้างกรรมมากมายด้วยการฆ่าคนอื่น?

ปัญจาวุธกุมาร
ปัญจาวุธกุมาร

หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไป เจ้าก็จะต้องวนเวียนอยู่ในนรกและอบายภูมิ เมื่อเจ้าเกิดใหม่ เจ้าย่อมไม่มีความสุข จงละเว้นการฆ่าและประพฤติธรรมเถิด

ยักษ์สิเลสโลมรับฟังด้วยความสำนึกผิด และสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายใครอีกต่อไป
ยักษ์สิเลสโลม
ยักษ์สิเลสโลม

ข้าจะทำตามคำสอนของเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าใครอีก ข้าสัญญา

หลังจากนั้น ปัญจาวุธกุมารก็สามารถเดินทางผ่านป่าดงดิบได้อย่างปลอดภัย เมื่อกลับถึงพระนครพาราณสี พระองค์ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีปัญญาและความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา สามารถช่วยให้เราฝ่าฟันอันตรายและอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ นอกจากนี้ การไม่ใช้ความรุนแรง แต่ใช้เมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ไขความขัดแย้งได้เช่นกัน”