นารทชาดก ปราชญ์ผู้ชี้ทางแห่งธรรม

นารทชาดก ปราชญ์ผู้ชี้ทางแห่งธรรม

พระเจ้าอังคติราชแห่งมิถิลานครถูกคุณาชีวกะ (ชีเปลือย) ชักนำให้เชื่อว่าบาปบุญไม่มีจริง จึงเลิกทำบุญและมัวเมาในกามคุณ เจ้าหญิงรุจาผู้เป็นธิดาพยายามเตือนพระบิดาแต่ไม่สำเร็จ นางอธิษฐานขอให้ทวยเทพช่วย พระนารทะมหาพรหมจำแลงกายมาเตือนพระเจ้าอังคติราชถึงความทุกข์ทรมานในนรก พระองค์จึงสำนึกผิดและกลับมาทำบุญ รักษาศีล

52 อ่าน
อ่านเรื่องเต็ม
ในอดีตครั้งหนึ่ง ในแคว้นมิถิลานคร พระเจ้าอังคติราชเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองบ้านเมืองด้วยความยุติธรรม ทรงมีพระราชธิดาเพียงองค์เดียว พระนามว่าเจ้าหญิงรุจา เจ้าหญิงเป็นหญิงผู้มีความศรัทธาในศาสนา ทรงทำบุญบริจาคทานและรักษาศีลอย่างสม่ำเสมอ พระเจ้าอังคติราชก็มักจะทรงมอบทรัพย์ให้พระธิดานำไปทำบุญเช่นกัน
แต่ในวันเพ็ญเดือน 12 เมื่อพระจันทร์เต็มดวงสว่างไสว พระเจ้าอังคติราชทรงประชุมกับเหล่าอำมาตย์ทั้งสามเพื่อหาทางเฉลิมฉลองฤกษ์ดีในวันสำคัญนี้
พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

ดูกรอำมาตย์ทั้งสาม ในวันเพ็ญเดือนนี้ควรเป็นฤกษ์ดีที่เราจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อความเป็นมงคล ท่านคิดว่าเราควรทำสิ่งใด?

พระเจ้าอังคติราช
อำมาตย์อลาตะ

ขอเดชะพระองค์ ข้าพระองค์เห็นว่าควรจะออกทัพตีหัวเมืองเพื่อขยายดินแดนให้แคว้นมั่งคั่งและยิ่งใหญ่ขึ้น

อำมาตย์สุนามะ
อำมาตย์สุนามะ

แต่หม่อมฉันเห็นว่าพระองค์สมควรที่จะหันไปสนทนาธรรมกับปราชญ์ เพื่อให้รู้แจ้งในธรรมะ และสร้างความเป็นมงคลแท้จริงให้แก่พระองค์และประชาชน

พระเจ้าอังคติราชทรงฟังคำแนะนำของทั้งสองฝ่าย และทรงตัดสินใจเลือกแนวทางที่สงบ ทรงเห็นด้วยกับอำมาตย์สุนามะที่จะใช้โอกาสนี้ในการเสริมสร้างธรรมะและความดีงาม
พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

อำมาตย์สุนามะพูดถูก เราควรหันไปหาผู้รู้ธรรม เพื่อชี้ทางให้เราในเรื่องบุญบาปและสิ่งที่ควรทำ

ในเวลานั้น คุณาชีวกะ (ชีเปลือย) ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดและได้รับการนับถือจากผู้คนจำนวนมาก ก็ถูกแนะนำโดยอำมาตย์อลาตะ พระเจ้าอังคติราชจึงตัดสินพระทัยเสด็จไปยังสำนักของคุณาชีวกะ เพื่อถามคำถามสำคัญเกี่ยวกับธรรมะ
พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

ดูกร คุณาชีวกะ สิ่งใดที่กษัตริย์ควรทำเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ และสิ่งใดที่ไม่ควรทำเพราะจะนำไปสู่นรก?

คุณาชีวกะฟังคำถามด้วยความมั่นใจ และตอบด้วยความคิดที่ยึดถือลัทธิมิจฉาทิฐิที่ตนเองเชื่อมั่น
คุณาชีวกะ
คุณาชีวกะ

ขอเดชะพระองค์ บาปและบุญไม่มีจริง ภพหน้าก็ไม่มี สิ่งที่คนเราทำในชาตินี้ไม่ส่งผลใด ๆ การให้ทานและการทำบุญนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ หากพระองค์ต้องการความสุข พระองค์ควรมุ่งแสวงหาความสุขในปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลถึงภพหน้า

เมื่อพระเจ้าอังคติราชทรงสดับคำตอบ พระองค์รู้สึกทึ่งและเริ่มเชื่อคำสอนของคุณาชีวกะ จากนั้น พระองค์ทรงละทิ้งการทำบุญและมุ่งหาความสุขในโลกนี้ ทรงสั่งให้หยุดการบริจาคทานทั้งหมด และเริ่มจัดงานเลี้ยงสำราญภายในพระราชวัง มีการจัดมหรสพ ฟ้อนรำ และเครื่องดื่มเหล้าสุราให้เหล่านางกำนัลได้เสพสุข ทิ้งภารกิจดูแลบ้านเมืองและความเชื่อในบุญบาป
เมื่อเจ้าหญิงรุจาทราบว่าพระบิดาหลงเชื่อในคำสอนผิดและละทิ้งการทำบุญ นางรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และพยายามเข้ามาทูลเตือนพระราชบิดา
เจ้าหญิงรุจา
เจ้าหญิงรุจา

ข้าแต่พระบิดา ไฉนพระองค์ทรงหลงเชื่อคำสอนผิดเช่นนั้น? บุญและบาปนั้นมีอยู่จริง หากพระองค์ยังคงประพฤติเช่นนี้ พระองค์จะต้องพบกับผลแห่งบาปในภพหน้า

พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

แต่คุณาชีวกะได้ชี้แจงแก่พ่อแล้ว ว่าบาปบุญไม่มีจริง ทำไมพ่อจะต้องกลัวภพหน้าด้วย? จากนี้ไปพ่อจะเสวยสุขในโลกนี้โดยไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด

เจ้าหญิงรุจารู้สึกทุกข์ใจอย่างยิ่งที่พระราชบิดาของตนหลงเชื่อในทางที่ผิด นางพยายามเตือนพระองค์ต่อ แต่พระเจ้าอังคติราชยังคงยืนยันในความเชื่อของตน นางจึงอธิษฐานต่อทวยเทพเพื่อขอความช่วยเหลือ
เจ้าหญิงรุจา
เจ้าหญิงรุจา

ข้าแต่ทวยเทพ โปรดช่วยพระราชบิดาของข้าพเจ้าให้พ้นจากความหลงผิด และนำพระองค์กลับสู่ทางธรรมด้วยเถิด

ในขณะนั้น พระนารทะมหาพรหม ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแท้และเป็นพระโพธิสัตว์ในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้จำแลงกายเป็นนักบวชเหาะมายังพระราชวัง เพื่อช่วยนำทางพระเจ้าอังคติราช พระองค์เสด็จเข้าเฝ้าพระเจ้าอังคติราช และได้เริ่มสนทนา
พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

ท่านนักบวช เหตุใดท่านจึงสามารถเหาะขึ้นฟ้าได้?

พระนารทะ
พระนารทะ

ข้าพเจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้เพราะข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามธรรม รักษาศีล และประพฤติดีด้วยกาย วาจา ใจ ผู้ที่รักษาศีลและประพฤติดีจะได้รับพลังแห่งบุญและสามารถทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้

พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

หากเช่นนั้น บาปบุญและภพหน้ามีจริงหรือไม่?

พระนารทะ
พระนารทะ

บาปและบุญนั้นมีอยู่จริง ภพหน้าก็มีเช่นกัน ผู้ที่ทำบาปย่อมได้รับผลแห่งบาป และผู้ที่ทำบุญย่อมได้รับผลบุญ หากพระองค์ยังคงหลงผิดและละทิ้งธรรมะเช่นนี้ เมื่อสิ้นชีวิต พระองค์จะต้องพบกับความทุกข์ทรมานในนรก

พระนารทะบรรยายถึงความทุกข์ทรมานในนรกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เหล่าแร้งกาจิกกินร่างกาย ฝนอาวุธตกลงมาทิ่มแทงกาย หากล้มลงก็ถูกนิริยบาลรุมทำร้าย พระเจ้าอังคติราชได้ฟังเช่นนั้น รู้สึกตกใจและกลัวถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนในภพหน้า
พระเจ้าอังคติราช
พระเจ้าอังคติราช

ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว ข้าพเจ้าไม่ต้องการพบกับความทุกข์ในนรก โปรดช่วยชี้ทางที่ถูกให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะทำตาม

พระนารทะจึงแนะนำให้พระเจ้าอังคติราชละทิ้งความเชื่อผิด ๆ และกลับมาทำบุญ รักษาศีล และประพฤติดีในฐานะกษัตริย์ พระเจ้าอังคติราชทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของพระนารทะ ทรงยกเลิกงานเลี้ยงสำราญทั้งหมด และกลับมาบำเพ็ญกุศลและปกครองบ้านเมืองด้วยความยุติธรรมและเมตตา
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความหลงผิดและการคบหาคนพาลจะนำไปสู่ความพินาศ แต่การฟังคำสอนของคนดีและปฏิบัติตามธรรมะจะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จ"