ปลาบู่ทอง

ปลาบู่ทอง

เอื้อยสูญเสียแม่ไปและต้องอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้าย แต่ได้พบปลาบู่ทองที่แท้จริงคือแม่ของเธอที่กลับชาติมาเกิดเพื่อคอยช่วยเหลือ เอื้อยพึ่งพาปลาบู่ทองจนแม่เลี้ยงรู้และฆ่าปลาบู่ ไม่ว่าจะเกิดใหม่ชาติไหนก็ถูกแม่เลี้ยงกำจัดทิ้ง แม้จะถูกแม่เลี้ยงขัดขวาง เธอยังอดทน จนความจริงถูกเปิดเผยและเธอได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

276 อ่าน
อ่านเรื่องเต็ม
กาลครั้งหนึ่ง มีเศรษฐีชื่อ "ทารก (อ่านว่า ทา-ระ-กะ)" อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมน้ำ มีภรรยาสองคน คนแรกคือ "นางขนิษฐา" ซึ่งมีลูกสาวชื่อ "เอื้อย" ส่วนภรรยาคนที่สองชื่อ "นางขนิษฐี" มีลูกสาวสองคนชื่อ "อ้าย" และ "อี่" แม้ภรรยาทั้งสองจะอยู่บ้านเดียวกัน แต่ความรักความผูกพันกลับแตกต่างกันมาก เอื้อยเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยนและซื่อสัตย์ ต่างจากอ้ายและอี่ที่คอยเอาเปรียบและดูถูกเอื้อยอยู่เสมอ
วันหนึ่ง เศรษฐีทารกพานางขนิษฐาไปจับปลาที่แม่น้ำ ทั้งคู่ทำงานอย่างหนัก แต่กลับจับปลาได้เพียงปลาบู่ทองตัวเดียวเท่านั้น
นางขนิษฐา
นางขนิษฐา

ท่านพี่ ข้าสงสารปลาตัวนี้ มันกำลังตั้งท้อง ปล่อยไปเถอะนะ

เศรษฐีทารกที่เหนื่อยและโกรธจากการทำงานหนักไม่ฟังคำขอของนาง กลับใช้ความโมโหฟาดนางขนิษฐาจนถึงแก่ความตาย จากนั้นเศรษฐีทิ้งศพนางลงในน้ำและกลับบ้านเพียงลำพัง
เมื่อกลับถึงบ้าน เอื้อยถามหาแม่ แต่เศรษฐีโกหกว่าขนิษฐาหนีตามผู้ชายไป เอื้อยที่เชื่อฟังพ่อก็ได้แต่เศร้าใจ และตั้งแต่นั้นมา นางขนิษฐีและลูกสาวทั้งสองก็กลั่นแกล้งเอื้อยอย่างหนัก ใช้งานเธอทั้งวันโดยไม่เห็นใจ
วันหนึ่ง เอื้อยที่ทนความทุกข์ไม่ไหวจึงออกไปร้องไห้ริมท่าน้ำ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เธอได้พบกับปลาบู่ทอง ซึ่งปลาบู่ทองที่แท้จริงคือแม่ของเธอกลับชาติมาเกิดเพื่อคอยช่วยเหลือเอื้อย
ปลาบู่ทอง
ปลาบู่ทอง

ลูกจ๋า แม่กลับมาแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แม่จะคอยดูแลเจ้าเอง

จากนั้น เอื้อยนำข้าวมาป้อนให้ปลาบู่ทองทุกวัน และระบายความทุกข์ที่แม่เลี้ยงและน้องสาวทั้งสองกระทำต่อเธอ แม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งหนักแค่ไหน เอื้อยก็ทนทุกอย่างได้เพราะรู้ว่าแม่ยังอยู่เคียงข้าง
แต่ความลับนี้ไม่รอดพ้นจากสายตาของนางขนิษฐีและลูกสาว เมื่อนางรู้ว่าเอื้อยไปพบปลาบู่ทองทุกวัน นางจึงจับปลาบู่ทองมาทำอาหาร เมื่อเอื้อยกลับมาและพบเกล็ดปลาที่เหลืออยู่ในครัว เธอรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เอื้อย
เอื้อย

แม่! ทำไมชีวิตข้าถึงเลวร้ายเช่นนี้ ข้าสูญเสียแม่ถึงสองครั้งสองครา

เอื้อยนำเกล็ดปลาบู่ทองไปฝังในดินและอธิษฐานให้แม่กลับมาเกิดใหม่เป็นต้นมะเขือ และในไม่ช้า ต้นมะเขือก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เอื้อยมารดน้ำและดูแลต้นมะเขือทุกวัน แต่เมื่อขนิษฐีรู้เรื่องนี้ นางโค่นต้นมะเขือทิ้งแล้วนำลูกมะเขือไปจิ้มน้ำพริกกิน
เอื้อยที่หมดหนทางจึงนำเมล็ดมะเขือที่เหลือไปปลูกใหม่และอธิษฐานให้แม่เกิดเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า
วันหนึ่ง พระเจ้าพรหมทัตเสด็จประพาสป่าและพบต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง พระองค์พยายามนำต้นไม้เข้าไปปลูกในวัง แต่ไม่มีใครสามารถถอนต้นโพธิ์ได้ พระเจ้าพรหมทัตจึงประกาศว่าผู้ใดที่สามารถถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้ จะได้รับรางวัลใหญ่ ขนิษฐีและลูกสาวทั้งสองพยายามถอน แต่ไม่สำเร็จ เอื้อยจึงขออธิษฐานจิตต่อแม่แล้วถอนต้นโพธิ์ออกได้ง่ายดาย
พระเจ้าพรหมทัต
พระเจ้าพรหมทัต

นางเอื้อย เจ้าน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าขอตั้งเจ้าเป็นมเหสีของข้า

เอื้อยได้เป็นมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต แต่เมื่อขนิษฐีรู้ข่าวก็อิจฉาและคิดแผนร้าย นางแสร้งส่งข่าวว่าเศรษฐีป่วยหนักเพื่อเรียกเอื้อยกลับบ้าน เมื่อเอื้อยกลับมา นางขนิษฐีกลั่นแกล้งโดยวางหม้อน้ำเดือดไว้ใต้ไม้กระดาน เมื่อเอื้อยเหยียบกระดานก็ร่วงลงไปในหม้อน้ำเดือดจนถึงแก่ความตาย
เอื้อยได้กลับมาเกิดใหม่เป็นนกแขกเต้า เธอบินกลับมาหาพระเจ้าพรหมทัต แต่ถูกอ้ายสั่งคนให้ฆ่าและต้มกิน นกแขกเต้าหนีรอดได้ และได้พบกับพระฤๅษีที่ใช้ญาณช่วยเสกให้เธอกลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง พร้อมทั้งมีลูกชาย พระเจ้าพรหมทัตได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากบุตรชายของเอื้อย จึงสั่งประหารขนิษฐี อ้าย และอี่ และพาเอื้อยกลับมาครองบัลลังก์อย่างสงบสุข
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความกตัญญู การมีสติและความอดทนท่ามกลางความยากลำบาก ความดีและความรักจากแม่จะช่วยให้เราผ่านพ้นอุปสรรค ความชั่วร้ายแม้จะถูกซ่อนเร้น แต่ในที่สุดความจริงจะถูกเปิดเผยและความยุติธรรมจะเกิดขึ้นเสมอ”