สังข์ทอง

สังข์ทอง

พระสังข์ทองถูกใส่ร้ายตั้งแต่เกิด และถูกขับไล่ไปอยู่กับพระมารดาที่ชายป่า ต่อมาเขาได้รับการช่วยเหลือจากพญานาคและเลี้ยงดูโดยนางยักษ์พันธุรัต จนเติบโตขึ้น เมื่อพระสังข์ได้พิสูจน์ความสามารถของตนโดยใช้มนต์วิเศษ เขาได้รับการยอมรับจากเจ้าเมืองพาราณสีและได้อภิเษกกับนางรจนา สุดท้ายพระสังข์ทองได้กลับไปครองเมืองพร้อมกับพระมารดาอย่างสงบสุข

76 อ่าน
อ่านเรื่องเต็ม
ในอดีตกาล ณ เมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตครองเมืองอย่างมั่งคั่ง ทว่ามเหสีฝ่ายซ้าย พระนางสุวรรณจัมปากะ (พระนางจันทา) กลับไม่พอใจที่ตนได้ธิดาแทนที่จะเป็นโอรส เธอรู้สึกว่าไม่อาจเทียบพระนางจันทราเทวี (พระมเหสีจันเทวี) ได้ จึงคิดใส่ร้ายเพื่อขับไล่พระนางจันทราเทวีออกจากวัง
พระนางจันทา
พระนางจันทา

ท่านพี่ ลูกของพระนางจันทราเทวีจะเป็นภัยต่อเมืองแน่ ข้ากลัวว่ามันจะเป็นกาลีบ้านเมือง

พระเจ้าพรหมทัตที่ถูกล่อลวงด้วยคำพูดนี้จึงหลงเชื่อ และขับไล่พระนางจันทราเทวีออกจากวัง
พระเจ้าพรหมทัต
พระเจ้าพรหมทัต

หากเป็นเช่นนั้น เจ้าต้องออกจากวังพร้อมกับลูกของเจ้าเสีย

พระนางจันทราเทวีเดินจากวังด้วยความทุกข์ใจ ขณะที่ตั้งครรภ์โอรส เมื่อถึงชายป่า เธอได้รับการช่วยเหลือจากตายายที่พำนักอยู่ที่นั่น โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความทุกข์ยากของมารดา จึงแปลงร่างเป็นหอยสังข์เพื่อให้มารดาเลี้ยงดูตนได้ง่ายขึ้น
พระมเหสีจันเทวี
พระมเหสีจันเทวี

แม้เจ้าจะเกิดเป็นหอยสังข์ แม่ก็รักเจ้าไม่ต่างจากลูกมนุษย์

หลายปีผ่านไป พระสังข์ทองในหอยสังข์ได้ช่วยมารดาทำงานบ้านทุกครั้งเมื่อพระนางออกไปเก็บผัก พระนางจันทราเทวีสงสัยว่าผู้ใดเป็นคนทำงานบ้าน จึงแอบสังเกตการณ์ และพบว่าพระโอรสออกมาจากหอยสังข์เพื่อทำงานบ้าน นางจึงทุบหอยสังข์ทิ้งและดีใจที่ได้เห็นลูกชายเป็นมนุษย์
พระมเหสีจันเทวี
พระมเหสีจันเทวี

ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า ลูกของข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าหายไปอีก

พระมเหสีจันเทวีโอบกอดพระสังข์ด้วยความรัก ทว่าความลับเรื่องหอยสังข์ได้ล่วงรู้ไปถึงพระนางสุวรรณจัมปากะ นางจึงบอกเท็จแก่พระเจ้าพรหมทัตว่าพระสังข์เป็นกาลีบ้านเมือง ทำให้พระเจ้าพรหมทัตสั่งจับทั้งสองลอยแพไปกลางทะเล
ขณะที่แพลอยออกทะเล พระสังข์ทองถูกพัดลงน้ำและถูกพญานาคช่วยไว้ พญานาคได้พาพระสังข์ทองไปยังถ้ำยักษ์ ซึ่งนางพันธุรัตเลี้ยงดูเขาเหมือนลูกของตน ไม่เคยคิดที่จะทำร้าย
แม้นางพันธุรัตจะดูแลพระสังข์ทองด้วยความรักใคร่ แต่พระสังข์ทองก็รู้ว่านางเป็นยักษ์ เขาจึงวางแผนหลบหนี เมื่อพระสังข์ทองพบอาวุธวิเศษในปราสาทยักษ์ เขาได้สวมเกราะเงาะป่าและเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์
พระสังข์
พระสังข์

ข้าจะไม่กลับไปอีกแล้ว ข้าจะหาทางใช้ชีวิตใหม่

หลังจากพระสังข์ทองหนีออกมา นางพันธุรัตเสียใจและได้ตามเขาไปจนพบพระสังข์ทอง นางได้สอนมนต์เรียกเนื้อเรียกปลาก่อนที่นางจะสิ้นใจลง
พระสังข์ทองเศร้าใจมาก แต่เขาก็เดินทางต่อไปจนถึงเมืองพาราณสี ซึ่งที่นั่นมีการจัดพิธีเลือกคู่สำหรับพระธิดาเจ็ดองค์ พระธิดารจนา องค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกคู่จากเจ้าชายทั้งหลาย ทำให้เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมืองให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก
พระสังข์ทองเศร้าใจมาก แต่เขาก็เดินทางต่อไปจนถึงเมืองพาราณสี ซึ่งที่นั่นมีการจัดพิธีเลือกคู่สำหรับพระธิดาเจ็ดองค์ พระธิดารจนา องค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกคู่จากเจ้าชายทั้งหลาย ทำให้เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมืองให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก
เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า นางรจนาไม่ยอมเลือกคู่จากเจ้าชายทั้งหลาย แต่กลับเลือกเจ้าเงาะป่าซึ่งเป็นพระสังข์ทองในรูปเงาะ
รจนา
รจนา

ข้าเห็นเจ้ามีคุณค่า ข้าขอเลือกเจ้ามาเป็นคู่ของข้า

การกระทำของรจนาทำให้เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมาก เขาสั่งให้พระสังข์และเขยคนอื่นไปหาเนื้อและปลามา พระสังข์ทองใช้มนต์เรียกเนื้อและปลาได้มากมาย ทำให้เขยทั้งหกต้องอ้อนวอนขอให้ช่วย ซึ่งพระสังข์ทองใจดีและแบ่งให้ แต่ก็ขอตัดปลายหูและจมูกหกเขยเป็นการตอบแทน
เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่นที่จะกำจัดเงาะป่า แต่พระอินทร์ลงมาช่วยพระสังข์ทองจากการถูกกำจัดโดยเจ้าเมืองพาราณสี พระอินทร์ท้าทายให้พระสังข์ทองตีคลีกับตน พระสังข์ทองถอดรูปเงาะและเอาชนะพระอินทร์ได้ในที่สุด
พระสังข์ทองจึงได้รับการยอมรับจากเจ้าเมืองพาราณสีและกลับไปพบพระมารดา พระนางจันทราเทวีในที่สุด ทั้งสองได้กลับมาครองเมืองพรหมนครอย่างมีความสุข
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความดีและความซื่อสัตย์จะนำพาให้ชีวิตประสบความสำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคก็ตาม”